::ชาวเรือเป็นผู้ที่รัก
และยึดมั่นในขนบธรรมเนียมประเพณี
ซึ่งเกิดจากความเคยชินในการกระทำจนกลายเป็นแบบอย่าง
หรือพิธีการขึ้น ทุกชาติ
ทุกภาษา ต่างมีลัทธิประเพณี
ของตนเองไม่เหมือนกัน
หรืออาจรับมาจากอีกชาติหนึ่ง
และดัดแปลงให้เกิดความเหมาะสมขึ้น
ราชนาวีไทยเราได้ถือเอาแบบอย่างราชนาวี
อังกฤษเป็นประเพณี แบบธรรมเนียม
และพิธีต่าง ๆ จึงคล้ายคลึงกัน
ในที่นี้จะขอกล่าว
โดยสังเขปดังต่อไปนี้
การทำความเคารพท้ายเรือเมื่อเวลาขึ้นลงเรือใหญ่
ก่อนจะขึ้น หรือลงจากเรือใหญ่
จะต้องทำความเคารพท้ายเรือก่อนเสมอ
แต่ครั้งโบราณ
มีแท่นบูชาอยู่ที่ดาดฟ้าท้ายเรือ
ผู้ที่จะขึ้นลงเรือไม่ทำความเคารพถือว่าเป็นการลบหลู่
หมิ่นเกียรติอย่างร้ายแรง
แต่สมัยนี้มีธงราชนาวีอยู่แทนแล้ว
แม้ว่าจะเป็นเวลาก่อนธงขึ้น
หรือหลังธงลงแล้วก็คงถือประเพณีทำความเคารพท้ายเรือก่อนที่จะขึ้นหรือลงจากเรือ
ใหญ่ตลอดมา
การขึ้นลงเรือเล็ก
แต่เดิมนกหวีดเรือใช้ในการให้จังหวะในการตีกระเชียงของทาสในเรือแกลเลย์
ของกรีซ
และโรมัน
ต่อมาใช้เป็นสัญญาณในการยิงหน้าไม้ของทหารเรืออังกฤษในสงครามครูเสด
ในสมัยหนึ่งนกหวีดเรือถือเป็นเครื่องประดับเกียรติยศตามตำแหน่งราชการ
เช่นจอมพล
เรือ มีนกหวีดทองคำ ผู้ติดกับโซ่เล็ก
ๆ ห้อยคอ
ปัจจุบันนี้นกหวีดเรือใช้สำหรับการเคารพ
การออกคำสั่ง และอื่น ๆ เช่น ธงขึ้น
ธงลง เลิกงาน รับประทานอาหาร หะเบส
หะเรีย
นายทหารขึ้น - ลงเรือ เป็นต้น
การเคารพระหว่างเรือต่อเรือ
ในทะเลนั้นภัยพิบัติย่อมเกิดขึ้นได้ทุกโอกาส
ฉะนั้นจึงถือเป็นระเบียบประเพณี และ
มารยาทที่เรืออื่นจะต้องในความช่วยเหลือเรือที่หายเสมอ
เมื่อเรือผ่านกันย่อมแสดง
ความเคารพซึ่งกันและกัน
เพื่อแสดงว่าจะช่วยเหลือกัน
หลักในการปฏิบัติมีดังนี้
เรือสินค้า
และเรือโดยสารต่างเคารพเรือรบก่อนเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นเรือใหญ่เล็กอย่างใด
การแสดงความเคารพนั่น
เรือสินค้าจะต้องสลุตธงให้เรือรบก่อน
และเรือรบก็จะต้อง
สลุตธงตอบ นอกจากเรือรบกับเรือสินค้า
หรือเรือโดยสารจะสลุตธงเพื่อแสดงว่าจะ
ช่วยเหลือซึ่งกันและกันแล้ว
เรือรบยังให้ความคุ้มครองในกรณีเกิดโจรสลัดขึ้นแก่เรือ
เหล่านั้นด้วย
ถ้าเป็นเรือรบต่อเรือรบ
จะต้องทำความเคารพด้วยสัญญาณนกหวีด
หรือ
สัญญาณแตรเดี่ยว
เรือที่มีชั้นของเรือต่ำกว่าจะต้องเป็นผู้ทำความเคารพให้ก่อนเสมอ
การอวยพรระหว่างเรือ
เรือรบทุกลำไม่ว่าจะเป็นชาติเดียวกัน
หรือต่างชาติ
เมื่อได้มาจอดร่วมอ่าวกัน หรือผ่าน
กันในทะเล
เมื่อทราบแน่นอนว่าฝ่ายหนึ่งจะต้องจากไปเป็นเวลานาน
เมื่อเรือนั้นออก
เดินทาง และผ่านกันในทัศนวิสัย
ฝ่ายอยู่จะชักธงอวยพรให้เดินทางโดย
สวัสดิภาพ
ฝ่ายเดินทางจะชักธงสัญญาณตอบของใจ
ถ้าอยู่ในระยะไกลซึ่งไม่สามารถจะเห็นธง
ประมวลก็ให้ใช้สื่อสารทางวิทยุโทรเลขแทน
พิธีปล่อยเรือลงน้ำ
ตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้ว
เวลาปล่อยเรือเดินทะเลลงน้ำ
จะต้องทำพิธีเพื่อให้เกิดสวัสด
ิมงคลแก่ตัวเรือเสียก่อน
ในสมัยปัจจุบันพิธีปล่อยเรือลงน้ำแบบสากล
ให้สุภาพสตรี
เป็นผู้ประกอบพิธีโดยวิธีปล่อยขวดแชมเปญกระทบหัวเรือ
การนี้สืบเนื่องมาจากการดื่ม
อวยพรด้วยถ้วยเงินเมื่อดื่มแล้วก็ขว้างถ้วยขึ้นไปบนเรือปรากฏว่าสิ้นเปลืองมาก
จึงเปลี่ยนเป็นขว้างขวดกับหัวเรือแทน
คราวหนึ่งสุภาพสตรีผู้ประกอบพิธีได้ขว้างขวด
แชมเปญไม่ถูกหัวเรือแต่กลับไปถูกแขกที่มาในงานพิธีบาดเจ็บจึงได้ใช้เชือกผู้คอขวด
เสียก่อนเสมอจนถึงปัจจุบันนี้
พิธีวางกระดูกงูเรือ
เรือเดินทะเลที่จะลงมือสร้างนั้น
ครั้งแรกของการสร้างก็คือการวางกระดูกงูเรือเสียก่อน
โดยจัดให้มีพิธีวางกระดูกงู
และเชิญแขกผู้มีเกียรติมาร่วมในพิธี
ผู้ที่เป็นประธานในพิธี
จะทำการย้ำหมุดตัวแรก
และมีพิธีในทางศาสนาด้วย
พิธีวางกระดูกงูถือกันว่าเพื่อให้
เกิดความสวัสดีมีชัย
และความวัฒนาถาวรให้แก่เรือ
และนอกจากนั้นยังถือกันว่าเป็น
การเชิญแม่ย่านางเรือให้เข้าสิงสถิตด้วย
การยิงสลุต
การยิงสลุตเป็นการแสดงถึงการทำความเคารพอย่างหนึ่ง
สันนิษฐานว่าสมัยโบราณ
ปืนใหญ่ต้องบรรจุทางปากกระบอก
การจะยิงแต่ละครั้งเสียเวลานานจึงมักบรรจุไว้ก่อน
ครั้นเข้าไปในน่านน้ำต่างประเทศที่ปราศจากภัยการเอากระสุนออกเป็นการลำบาก
การยิงทิ้งเป็นการสะดวกกว่า
จึงเป็นประเพณีตลอดมา
ในน่านต่างประเทศเมื่อเวลาเรือ
จะเข้าท่าจะต้องยิงสลุตให้แก่ประเทศนั้นจำนวน
๒๑ นัด เป็นการเคารพ การยิงสลุตนี้
จะกระทำในระหว่างระยะเวลาตั้งแต่ธงขึ้นถึงธงลงเท่านั้น
นอกจากการยิงสลุตให้แก่
ประเทศแล้ว
ยังมีการยิงสลุตให้แก่บุคคลอีก
สลุตด้วยก็ได้ |