ก่อนมาเป็น ปพ.
ตามที่ กองตำรวจน้ำ
มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการกระทำผิดทางอาญา
และเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำผิดเกี่ยวกับกฎหมายศุลกากร การประมง
และอื่นๆ ทั้งในท่าเรือ ชายฝั่งทะเล ซึ่งเป็นอาณาเขตของประเทศ
และเสริมกำลังให้กับกองทัพบก และกองทัพเรือในยามไม่ปกติ
โดยแบ่งส่วนราชการ เป็น 6
กองกำกับการ และแบ่งงานเป็นการภายในอีก 4 ฝ่าย คือ ฝ่ายอำนวยการ
ฝ่ายสนับสนุน ฝ่ายปฏิบัิติการพิเศษ และฝ่ายช่าง
ฝ่ายปฏิบัติการพิเศษ มีหน้าที่วางแผนอำนวยการ ประสานงาน
และกำกับการในเรื่องการปฏิบัติการทางเรือ
การค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย การสื่อสาร
และการจัดกำลังในสังกัดไปปฏิบัติงาน
และดำเนินการตามแผนที่ได้รับมอบหมาย
ต่อมาในปี พ.ศ. 2539 มีพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการของกองตำรวจน้ำ
ออกเป็น 6 กองกำกับการปฏิบัติการ และ 3 ฝ่าย
(เทียบเท่ากองกำกับการ) คือ ฝ่ายอำนวยการ ฝ่ายสนับสนุน และ
ฝ่ายปฏิบัติการทางเรือ ซึ่ง
มีชื่อย่อว่า " ฝ.ปร.รน. "
ต่อมามีพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พ.ศ. 2548
และกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พ.ศ. 2548 ยกเลิกส่วนราชการเดิมตามพระราชกฤษฏีกาแบ่งส่วนราชการ
กรมตำรวจ กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. 2539 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
แล้วจัดส่วนราชการใหม่ ประกอบกับ มติ
ก.ตร.ในการประชุมครั้งที่ 4/2548 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2548
และ ครั้งที่ 5/2548 เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2548
และ มติ อ.ก.ตร. บริหารงานบุคคลครั้งที่ 4/2548
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2548 และครั้งที่ 5/2548 เมื่อวันที่
13 พฤษภาคม 2548 ได้อนุมัติการตัดโอนตำแหน่งต่างๆ
จากส่วนราชการเดิมไปให้กับส่วนราชการใหม่ โดยกำหนด "
กองตำรวจน้ำ " เปลี่ยนชื่อเป็น " กองบังคับการตำรวจน้ำ "
ขึ้นกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยมีหน่วยงาน 11
กองกำกับการ 1 ฝ่ายอำนวยการ และ 1 กลุ่มงานเรือตรวจการณ์ ซึ่ง
ฝ่ายปฏิบัติการทางเรือ (เดิม) ได้ถูกกำหนดหนดให้ไปเป็น " กองกำกับการ 3 (ปฏิบัติการพิเศษทางน้ำ)
กองบังคับการตำรวจน้ำ " ตั้งแต่ 30 มิถุนายน 2548
โดยมีชื่อย่อว่า กก. 3(ปพ.)บก.รน.
|