1.
ถังอากาศ
สำคัญที่สุดถ้าไม่มีเจ้าถังนี้อย่างอื่นก็ไม่ต้องพูดถึง
หน้าที่คือเก็บอากาศสำหรับที่เราจะใช้หายใจเมื่อเราอยู่ใต้น้ำ
ถังมีหลายขนาดแต่ขนาดมาตรฐานคือ 11.5
ลิตร ไม่ใช่ว่าบรรจุอากาศได้
11 ลิตรนะครับ เห็นถังเล็กๆ ยังงี้มันอัดอากาศได้เท่ากับอากาศในห้องนอนของคุณทั้งห้องเชียวนะครับ
( ห้อง 3 x 3.5
เมตร ) ถังนี้ทนแรงดันได้สูงสุด
320 Bar หรือประมาณ
4700 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
เจอศัพท์เทคนิคหน่อยอย่าเพิ่งงงนะครับ พูดง่ายๆ
ก็คือทนแรงอัดได้ 320
เท่าของความดันปกติที่รอบตัวเรา แต่การใช้งานจริงๆ
จะอัดอากาศกันประมาณ 200 Bar
ถังหนึ่งจะดำได้นานประมาณ 40-50
นาทีในกรณีที่ไม่ดำลึกมาก
อากาศที่อัดลงในถังก็คืออากาศรอบๆ ตัวเรานี่แหล่ะครับ
ถังอากาศจะมาพร้อมกับวาวส์หัวถังมีไว้ให้เปิดเมื่อใช้
ปิดเมื่อเลือกใช้ สายที่เราจะหายใจต้องเอามาต่อต่างหาก |
2.
ชุดปรับความดันและสายช่วยหายใจ
จากหัวถังเราจะต้องเอาชุดปรับความดันมาต่อ
อากาศที่อัดมาในถังมีแรงดันมากกว่าความดันปกติรอบตัวเราประมาณ
200 เท่า
ถ้าเราเปิดใช้ง่ายโดยตรงจากหัวถังแรงดันจะสูงมาก
มากขนาดที่ว่าเราถ้าเราเปิดใส่หน้าเราจังๆ
แรงดันก็จะดันจนเป้าตาทะลุ
ดังนั้นหากต้องการเปิดดูว่าถังไหนมีลมหรือไม่จะต้องหันทางออกของลมไปในทิศทางที่อื่นที่ไม่โดนหน้าเราหรือหน้าใครๆ
ชุดปรับแรงดันนี้จะลดความดันสูงจากในถังให้เป็นความดันต่ำที่พอเหมาะสำหรับการหายใจ
ตัวนี้เราเรียกว่า เรคกูเรเตอร์ Regulators
เราเรียกสั้นๆ ว่า เรค
จากเรคจะมีสายต่อไปใช้งานอีก 5
สาย สายหนึ่งเราสำหรับเราใช้หายใจ
อีกสายหนึ่งเผื่อไว้สำรอง
หรือมีไว้แบ่งอากาศให้เพื่อนคนอื่นที่อากาศหมด
อีกสายหนึ่งต่อเข้าชุดวัดความดันเพื่อที่ดูว่าปริมาณอากาศเหลือเท่าใด
อีกสายต่อเข้า BCD อะไรล่ะเจ้า
BCD เนี่ย ใจเย็นๆ
เดี๋ยวจะบอกมันคือหมายเลข 7
ตอนนี้เรามาว่ากันถึงหมายเลข 2
ให้จบก่อน จากภาพซ้าย ชุดเรคคือหมายเลข 2
ซึ่งจะมีส่วนประกอบต่างๆ ดังภาพขวา
คือ จุด A
คือที่เราหายใจ
B
คือสายอากาศสำรอง
C
คือมาตรวัดความดันอากาศที่เหลือ
ส่วนสายต่อที่เข้า BCD
ไม่ได้ชี้ให้เห็นเพราะไม่รู้จะชี้ยังไงมันดำไปหมด |
3.
ชุดดำน้ำ หรือ
Wet Suit
แปลว่าเสื้อเปียก
ชุดดำน้ำมีหลายแบบทั้งแบบเสื้อเปียกและเสื้อแห้ง
เสื้อเปียกคือคนใส่ลงน้ำแล้วเปียก
ส่วนเสื้อแห้งคนใส่ดำน้ำขึ้นมาแล้วตัวไม่เปียก
เราจะพูดกันถึง Wet Suit
เพราะเป็นชุดปกติของนักดำน้ำ ส่วน Dry Suit
นั้นเป็นชุดที่ไม่ปกติ ใช้กรณีที่ดำในเขตน้ำเย็นจัด
ทำไมจะต้องใส่เวทสูตร ใส่แล้วเท่ห์เหรอ
ใส่เสื้อกล้ามได้หมั๊ย ใส่เสื้อยืดได้หมั๊ย เวทสูทรมีประโยชน์อย่างไรทำไมต้องใช้
เวลาเราลงน้ำแล้วหนาวใช่หมั๊ย
ยิ่งเราดำลงไปลึกยิ่งหนาวกว่า
เคยได้ยินแต่คำว่ายิ่งสูงยิ่งหนาว
แต่ยิ่งลึกก็ยิ่งหนาวกว่า
ถ้าเราไม่มีฉนวนกันความร้อนออกจากตัวเราก็จะทำให้เราสูญเสียความร้อนให้กับน้ำอย่างรวดเร็วมีผลทำให้อุณหภูมิในร่างกายเราลดลงอย่างน่าวิตกจนบางคนหนาวสั่น
บางคนช๊อคหมดสติใต้น้ำ เวทสูทรช่วยท่านได้ เวทสูทรเป็นฉนวนขนิดหนึ่งทำจาก
นีโอพรีนโฟม ลักษณะเป็นฟองน้ำนิ่มๆ แต่เหนียว
หนาประมาณ 2-3 มม.
มีหน้าที่ป้องกันความร้อนจากตัวเราไม่ให้ถ่ายเทไปสู่น้ำมากเกินไปทำให้เราไม่หนาวสั่นเมื่ออยู่ใต้น้ำนานๆ
เวทสูทรมีทั้งแบบขายาวแขนยาว
และแบบขาสั้นแขนสั้น
แบบแขนสั้นก็ดีราคาถูกดี
แบบแขนยาวขายาวก็ดีใส่แล้วหุ้มหมดทั้งแขนและขา
นอกจากเวทสูทรจะช่วยป้องกันการสูญเสียความร้อนจากตัวคนไปสู่น้ำแล้วมันยังช่วยให้ลอยตัวด้วย
แล้วยังช่วยปกป้องผิวหนังเราในกรณีที่เราไปสัมผัสกับพืชหรือสัตว์มีพิษโดยบังเอิญเช่น
แมงกระพรุนไฟเป็นต้น |
4.
ตีนกบ
ฟังดูอาจจะไม่สุภาพแต่มันเป็นอุปกรณ์
ชิ้นหนึ่งสำหรับการดำน้ำ หรือเรียกว่า Fin
เราจะว่ายน้ำเหมือนปลาได้อย่างไรในเมื่อเราไม่มีหางคอยโบกสะบัด
ดังนั้นเราจึงออกแบบหางปลาปลอมมาติดที่ปลายเท้าเรา
บางชนิดเหมือนตีนกบ รุ่นใหม่ๆ ออกแบบเหมือนหางปลาวาฬ
แต่เราเรียกมันว่า Fin
ประโยชน์ของมันคือทำให้เรามีแรงส่งให้ว่ายน้ำได้เร็วขึ้น
โบกสะบัดแต่ละครั้งมีแรงส่งไปได้ไกลๆ Fin
มีมากมายหลายแบบให้เลือก แต่ชนิดใหญ่ๆ
แบ่งเป็น 2 แบบคือ Full
Foot คือฟินแบบสวมเข้าไปทั้งเท้าเหมือนใส่รองเท้า
อีกแบบคือแบบ Open Hill
คือแบบเปิดส้น
แบบนี้จะต้องใส่รองเท้าก่อนที่จะใส่ฟิน ,ข้อดีของ
Full Foot คือราคาถูกดี
แบบ Open Hill
ดีที่ถอดง่ายใส่ง่ายกระชับดี แต่แพงและหนัก
แล้วยังต้องเสียเงินซื้อรองเท้าด้วย |
5.
เข็มขัดตะกั่ว
คนไม่ตายไม่จมน้ำ
ตราบใดที่คนเรายังมีลมหายใจอยู่ในปอดก็จะไม่จมน้ำเพราะปอดเราเป็นเหมือนลูกโป่งขนาดใหญ่ในร่างกายเรา
แล้วยิ่งเราใส่เวทสูทรที่เป็นฟองน้ำยิ่งทำให้ตัวเราลอยน้ำ
ถึงแม้จะมีถังอากาศแบกอยู่บนหลังมันก็ไม่ยอมจมไปใต้น้ำ
แต่มันจะจมปลิ่มน้ำ เราต้องการจมอยู่ใต้น้ำ
ดังนั้นเราจึงต้องหาของหนักๆ มาถ่วง
สิ่งที่เล็กและหนักก็คือทองคำแต่ว่าเราไม่มีเงินซื้อทองคำหนักตั้ง
4-5 กก. มาถ่วง
ดังนั้นเราจึงใช้ตะกั่วมาถ่วงแทนเพราะมันถูกกว่า
ตะกั่วมีร่องร้อยกับเข็มขัดล๊อคติดไว้ที่เอว
ปริมาณน้ำหนักของตะกั่วที่ใช้แต่ละคนไม่เหมือนกันทั้งนี้เพราะร่างกายของแต่ละคนต่างกัน
บางคนมีห่วงยางติดตัวมาตั้งแต่เกิดคนละหนึ่งวงบ้างสองวงบ้างบางคนก็ไม่มี
คนที่มีห่วงยางประจำตัวก็จะจมน้ำยากดังนั้นจึงต้องถ่วงตะกั่วมากกว่าคนอื่น
เราจะรู้ตัวเราเองว่าควรใช้ตะกั่วเท่าไรดีเมื่อเราฝึกทักษะตอนที่ลงทะเลครั้งแรก |
6.
หน้ากากดำน้ำ
นักดำน้ำเขาเรียกว่า
Mask น้ำทะเลมันเค็ม
ถ้าเราไม่สวมหน้ากากดำน้ำเมื่อเราลืมตามองสิ่งสวยงามในโลกสีครามจะทำให้เราแสบตามาก
โลกจะสวยได้อย่างไรถ้าเราแสบตา
เราจึงต้องใส่หน้ากากเพื่อป้องกันน้ำทะเลเหล่านั้นไม่ให้เข้าตา
มีมากมายหลายแบบ
บางแบบก็สามารถถอดเปลี่ยนใส่เลนส์สายตาได้ด้วย
บางครั้งนักดำน้ำแบบ Scuba
นิยมติด Snorkel
ไว้ที่หน้ากากด้วยเพื่อที่จะใช้หายใจเมื่ออยู่บริเวณผิวน้ำทั้งนี้เพื่อประหยัดอากาศในถังที่เก็บไว้ใช้ใต้น้ำ |
7.
BCD
ตัวนี้ขอเรียกเป็นภาษาอังกฤษ
มันคือเสื้อชูชีพที่สามารถปรับสภาพการจมการลอยได้
ทำไมเรียกว่า
BCD
ถ้าไม่บอกเดี๋ยวมันค้างคาใจ ย่อมาจาก
Buoyancy Control Device
แปลไม่ออก การดำผิวน้ำ
จะใช้เสื้อชูชีพสีส้มสีเขียวเป็นแบบที่ค่าลอยตัวคงที่คือจะลอยอย่างเดียวไม่มีจม
แต่การดำน้ำลึกเราต้องการจมเพราะเราต้องการลงไปดูโลกใต้ทะเล
ถ้าเราใช้เสื้อชูชีพแบบธรรมดาก็จบกันคงไม่มีโอกาสได้ไปนอนดูปลาใต้ทะเลเพราะมันไม่จม
เสื้อชูชีพแบบปรับได้นี้ทำงานง่ายๆ
คือเสื้อจะมีช่องว่างเหมือนหมอนลม
เวลาต้องการให้ลอยก็เติมลมใส่เข้าไป
ที่เคยบอกแล้วว่าสายอากาศสายที่ 4
ต่อเข้ากับ BCD
เมื่อเราต้องการจะดำลงเราก็ปล่อยลมออกให้จมลง
ถ้ามันจมเร็วเกินไปเราก็เติมลมเข้าพอมันพองก็จะลอยตัว
ในการดำน้ำลึกเราไม่ต้องการให้ตัวเราจมไปนอนอยู่ก้นทะเล
( เพราะหอยเม่นมันจะตำเรา หรือเราจมไปทับปะการังพังหมด
)
หรือตัวเราลอยอยู่แต่บนผิวน้ำจะดำลงก็ไม่ยอมลงจะลอยท่าเดียว
ที่นักดำน้ำต้องการคือ
ต้องการให้ตัวเรามีสถานะเป็นกลางคือไม่จมไม่ลอย
หมายความว่า เมื่อจับตัวเราไปไว้ที่ระดับลึก 5
เมตรก็ยังคงลอยเคว้งคว้างอยู่แบบนั้นไม่จมบุ๋มๆ
หรือลอยตุบป่องขึ้นข้างบน
เมื่อเรามีสถานะเป็นกลางเราจะไปไหนก็โบกสะบัดตีนกบ
เท่านั้นก็ไปได้อย่างที่ใจต้องการ
ตัวที่จะปรับให้เราตัวเป็นกลางก็คือ BCD
ปรับโดยการเติมลมเข้าหรือปล่อยลมออกนั่นเอง
ที่ด้านหลังของ BCD
จะมีชุดรองรับถังอากาศ มีตัวล๊อคให้ถังอากาศติดแน่นไม่หลุดเมื่อเรากระโดดลงทะเล |